อะชิตะบะ...พลังแห่งการงอกงามจากเกาะยะคุชิมะ

                                                                 อะชิตะบะ (Ashitaba) เป็นพืชพื้นเมืองที่พบในเกาะยะคุชิมะ ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมและยังเป็นเมืองมรดกโลกแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "อะชิตะบะ" ที่จัดอยู่ในตระกูลผักชี (Apiaceous) เป็นพืชที่ได้รับความนิยมบริโภคเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของการมาเยือนเกาะยะคุชิมะ เลยทีเดียว พืชชนิดนี้ชาวญี่ปุ่นต่างเรียกขานว่าเป็น "ใบไม้ของวันพรุ่งนี้" นั่นเป็นเพราะอะชิตะบะมีใบที่โตเร็ว แม้วันนี้จะถูกตัดไปแล้ววันพรุ่งนี้ก็จะแตกยอดออกมาใหม่ให้ตัดได้ตลอด ชื่อ "อะชิตะบะ" จึงมาจากการเติบโต เพียงชั่วข้ามคืนของใบที่แสดงถึงพืชที่มีพลังชีวิตสูงนั่นเอง

ปัจจัยที่เอื้อต่อการสะสมพลังชีวิตที่น่ามหัศจรรย์ของอะชิตะบะ ไม่ใช่ความพิเศษของวิธีการเพาะปลูกหรือการบำรุงด้วยปุ๋ยชั้นเลิศ แต่มาจากสภาพแวดล้อมบนเกาะยะคุชิมะที่เอื้อต่อการเติบโตนั่นเอง พื้นดินที่อุดม ไปด้วยแร่ธาตุที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ อากาศอบอุ่น และมีปริมาณน้ำฝนมากตลอดทั้งปี ทำให้ดินสามารถ กักเก็บน้ำใต้ดินได้ในปริมาณมากเหมาะแก่การเติบโตของพันธุ์พืช ดังนั้นไม่ว่าส่วนไหนของเกาะก็จะมีพืชนานาชนิดเติบโตขึ้นอย่างงอกงาม โดยเฉพาะต้นอะชิตะบะที่เติบโตได้เป็นอย่างดีและมักพบอยู่คู่กับ ต้นยาฉะบุจิ (Japanese Green Alder) ไม้ใหญ่ผลัดใบที่ชอบพื้นที่ชุ่มน้ำซึ่งเป็นเสมือนร่มเงาบังแสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงในฤดูร้อนทำให้ต้นอะชิตะบะไม่เฉาแดด ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงผลัดใบ ใบของยาฉะบุจิที่ร่วงหล่นก็จะกลายไปเป็นปุ๋ยธรรมชาติ ขณะที่รากซึ่งหยั่งลงดินต่างเต็มไปด้วยแบคทีเรียที่มีประโยชน์ช่วยให้ดินโดยรอบมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าที่อื่นจึงไม่แปลกใจเลยที่แม้จะเด็ดใบอะชิตะบะในวันนี้ แต่วันพรุ่งนี้ก็แตกยอดออกมาให้เด็ดได้อีกแสดงถึงพลังแห่งการเติบโตที่ไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง

โภชนาการจากธรรมชาติ
สู่สารอาหารเพื่อการฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย

ใบอะชิตะบะมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ อุดมด้วยเบต้าแคโรทีนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ต้านการติดเชื้อ ช่วยบำรุงสายตา โพแทสเซียมที่มีส่วนช่วยลดความดันโลหิตสูงลดระดับคอเลสเตอรอล วิตามินเคที่ช่วยบำรุงเลือด ป้องกันภาวะโลหิตจาง ช่วยให้เลือดแข็งตัวได้เร็ว แคลเซียมบำรุงกระดูกมีสารที่มีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพเพิ่มการเผาผลาญ ลดอาการท้องผูก ในหลายศตวรรษที่ผ่านมาชาวญี่ปุ่นจึงนิยมใช้อะชิตะบะเป็นยาสมุนไพรรักษาโรค ขณะเดียวกันสาวๆ ชาวญี่ปุ่นก็ยกให้อะชิตะบะเป็นพืชในดวงใจที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวปรับการทำงานของผิวให้สู่สภาวะดั้งเดิมตามธรรมชาติ ลดการก่อตัวของเม็ดสี ทำให้ผิวพรรณแลดูอ่อนเยาว์