เมื่อก่อน ‘อายุตา’ ของเรามักจะแก่ลงไปพร้อมๆ กับอายุจริง
แต่ทุกวันนี้เรามีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ทำให้พฤติกรรมการใช้สายตาของเราเปลี่ยนไปด้วย
เราทำงานกับจอคอมพิวเตอร์
เราส่งสติกเกอร์สวัสดีวันจันทร์กับเพื่อนๆ ตั้งแต่เช้ามืด เราจ้องจอโทรศัพท์วันละหลายชั่วโมง อ่านหนังสือในที่ที่มีแสงไม่พอ ออกไปเจอแสงแดดจ้า แต่ละกิจกรรมนั้นยิ่งทำให้ดวงตาทำงานหนัก เซลล์ประสาทตาของเราเสื่อมก่อนถึงเวลาอันควร ทำให้เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมตั้งแต่อายุยังน้อย
ปัญหาเรื่องสายตากลายเป็นปัญหาใหญ่ด้านสาธารณสุข องค์การอนามัยโลกระบุว่า ในแต่ละปีมีจำนวนผู้มีปัญหาทางสายตาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตัวเลขของปี 2018 นั้นพบว่า จากประชากรทั่วโลก มีคนที่บกพร่องทางการมองเห็นถึง 1.3 พันล้านคน!! เป็นคนตาบอดถึง 36 ล้านคน และ 3 อันดับแรก ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาการมองเห็นของชาวโลก นอกจากภาวะผิดปกติทางสายตา และโรคต้อกระจกแล้ว หนึ่งในนั้นก็คือ ‘โรคจอประสาทตาเสื่อม’ นั่นเอง
เราทำงานกับจอคอมพิวเตอร์
เราส่งสติกเกอร์สวัสดีวันจันทร์กับเพื่อนๆ ตั้งแต่เช้ามืด เราจ้องจอโทรศัพท์วันละหลายชั่วโมง อ่านหนังสือในที่ที่มีแสงไม่พอ ออกไปเจอแสงแดดจ้า แต่ละกิจกรรมนั้นยิ่งทำให้ดวงตาทำงานหนัก เซลล์ประสาทตาของเราเสื่อมก่อนถึงเวลาอันควร ทำให้เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมตั้งแต่อายุยังน้อย
ปัญหาเรื่องสายตากลายเป็นปัญหาใหญ่ด้านสาธารณสุข องค์การอนามัยโลกระบุว่า ในแต่ละปีมีจำนวนผู้มีปัญหาทางสายตาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตัวเลขของปี 2018 นั้นพบว่า จากประชากรทั่วโลก มีคนที่บกพร่องทางการมองเห็นถึง 1.3 พันล้านคน!! เป็นคนตาบอดถึง 36 ล้านคน และ 3 อันดับแรก ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาการมองเห็นของชาวโลก นอกจากภาวะผิดปกติทางสายตา และโรคต้อกระจกแล้ว หนึ่งในนั้นก็คือ ‘โรคจอประสาทตาเสื่อม’ นั่นเอง
จอประสาทตา
“จอประสาทตา” จุดรับภาพชัดที่มี ความเสื่อมได้ตามวัยและการใช้งาน เมื่อเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมจะ ทำให้เกิดการมองเห็นไม่ชัด ตาพร่า มัว มองเห็นตรงกลางภาพไม่ชัดและ ตาบอดในที่สุด
จอประสาทตาเสื่อม
ภัยเงียบที่ทำให้
โลกคุณมืดไปตลอดชีวิต
‘โรคจอประสาทตาเสื่อม’ เป็นโรคที่เกิดความผิดปกติบริเวณจุดศูนย์กลางการรับภาพของจอประสาทตา ทำให้เกิดจุดบอดขึ้นตรงใจกลางของภาพ โดยที่ยังเห็นภาพด้านข้างชัดอยู่ เช่น จะเห็นว่ามีคนเดินเข้ามา แต่ไม่เห็นใบหน้าว่าเป็นใคร อาการจะเริ่มจากมองเห็นภาพผิดไปจากเดิม เช่น ตาพร่ามัว มองเห็นภาพบิดเบี้ยว มองเห็นเส้นตรงเป็นเส้นคด จากเดิมจะเกิดเมื่อมีอายุมากขึ้น มักจะพบในผู้ที่มีอายุ 40-65 ปี
จึงมักเรียกว่า จอประสาทตาเสื่อมเนื่องจากอายุ แต่ปัจจุบันพบผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นอาการเสื่อมแบบเร็วและอันตรายมากกว่าเดิม
ความน่ากลัวของโรคนี้ไม่ใช่แค่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ตาบอดได้เท่านั้น แต่ยังเป็นมฤตยูเงียบ เพราะคนที่เป็นโรคนี้กว่าจะรู้ว่าจอประสาทตาเสื่อมก็แทบจะมองอะไรไม่เห็นแล้ว ซ้ำร้ายยังเป็นโรคที่ยังไม่พบวิธีการรักษาให้หายขาดได้ และถ้าเป็นแล้วไม่ได้รับการรักษา มีโอกาสที่ดวงตาจะบอดสนิทได้ภายในไม่กี่ปี เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากเผชิญหน้ากับโรคนี้ ควรเริ่มต้นลงทุนดูแลสายตาตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะสายไป เริ่มตั้งแต่ลงทุนเวลา จัดสรรเวลาให้ตัวเองได้พักสายตาเมื่อต้องทำงานเป็นเวลานาน ลงทุนซื้อของดีมีประโยชน์เพื่อกินบำรุงสายตา การดูแลตัวเองแค่วันละนิดไม่ใช่เรื่องยาก
และรับรองว่าผลกำไรที่ได้คือ การได้มองเห็นโลกสดใสไปอย่างยาวนาน
ตารางตรวจจุุดภาพชัด เช็คอาการจอประสาทตาเสื่อม (Amsler Grid) หากมองไม่เห็นจุดกลางตาราง หรือเห็นเป็นเส้นไม่ตรง ซ้อนกัน ขาดจากกัน ควรพบจักษุแพทย์โดยด่วน เพราะนั่นคือสัญญาณบ่งชี้ว่าจอประสาทตาเริ่มผิดปกติ
ตารางตรวจจุุดภาพชัด เช็คอาการจอประสาทตาเสื่อม (Amsler Grid) หากมองไม่เห็นจุดกลางตาราง หรือเห็นเป็นเส้นไม่ตรง ซ้อนกัน ขาดจากกัน ควรพบจักษุแพทย์โดยด่วน เพราะนั่นคือสัญญาณบ่งชี้ว่าจอประสาทตาเริ่มผิดปกติ
ความน่ากลัวของโรคนี้ไม่ใช่แค่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ตาบอดได้เท่านั้น แต่ยังเป็นมฤตยูเงียบ เพราะคนที่เป็นโรคนี้กว่าจะรู้ว่าจอประสาทตาเสื่อมก็แทบจะมองอะไรไม่เห็นแล้ว ซ้ำร้ายยังเป็นโรคที่ยังไม่พบวิธีการรักษาให้หายขาดได้ และถ้าเป็นแล้วไม่ได้รับการรักษา มีโอกาสที่ดวงตาจะบอดสนิทได้ภายในไม่กี่ปี เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากเผชิญหน้ากับโรคนี้ ควรเริ่มต้นลงทุนดูแลสายตาตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะสายไป เริ่มตั้งแต่ลงทุนเวลา จัดสรรเวลาให้ตัวเองได้พักสายตาเมื่อต้องทำงานเป็นเวลานาน ลงทุนซื้อของดีมีประโยชน์เพื่อกินบำรุงสายตา การดูแลตัวเองแค่วันละนิดไม่ใช่เรื่องยาก และรับรองว่าผลกำไรที่ได้คือ การได้มองเห็นโลกสดใสไปอย่างยาวนาน
วิธีง่ายๆ
ที่ช่วยถนอมสายตาไปอีกนานๆ
จากข้อมูลทางการแพทย์ขององค์การอนามัยโลก ได้ระบุว่า 80% ของปัญหา
เรื่องสายตานั้น สามารถรักษาหรือป้องกันได้ ‘โรคจอประสาทตาเสื่อม’ ก็เช่นกัน
เริ่มจากการดูแลตัวเองง่ายๆ ดังต่อไปนี้
ใส่แว่นกันแดด
ที่ป้องกันรังสียูวีได้อย่างน้อย 90% เมื่อต้องออกไปเจอแสงแดดจ้า หรือสวมแว่นป้องกันสายตาจากแสงสีฟ้าทุกครั้งที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ จะช่วยลดหรือชะลอการเกิดโรคนี้ได้
จัดเวลาพัก
ระหว่างทำงาน
หน้าจอคอมพิวเตอร์
ควรพักสายตาทุก 20 นาที เพื่อมิให้สายตาล้าเกินไป พักไปมองพื้นที่สีเขียวหรือฟ้า เช่น สนามหญ้า หรือต้นไม้สีเขียว
ปรับแสง
และขนาดตัวหนังสือ
ในจอโทรศัพท์มือถือ
เพื่อให้อ่านง่าย และควรมองจอ
ในที่ที่มีแสงเพียงพอ
ไม่สูบบุหรี่
การสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยง
ให้เป็นโรคนี้เร็วกว่าคนที่ไม่สูบ
ถึง 10 ปี
ข้อมูลอ้างอิง
วิมล ศรีสุข (2557) กินอะไร…ชะลอจอประสาทตาเสื่อม บทความเผยแพร่ความรู้ประชาชน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล http: // pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/BrandSuntory/189/ชะลอจอประสาทตาเสื่อมต้องกินอะไร/
ณัฐวุฒิ รอดอนันต์ (2561) โรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ บทความสุขภาพ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/BrandSuntorydetail.asp?id=749
WHO, Visual impairment and blindness, Fact Sheet www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/blindness-and-visual-impairment
Nakaishi H, Matsumoto H, Tominaga S, Hirayama M. (2000) Effects of black currant anthocyanoside intake on dark adaptation and VDT work-induced transient refractive alteration in healthy human. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/11134978
กินผัก ผลไม้ที่มี
สารต้านอนุมูลอิสระ
ช่วยบำรุงสายตาและ
ชะลอความเสื่อมของเซลล์
โดยเฉพาะ ‘สารแอนโทไซยานิน’ (Anthocyanin) ซึ่งจะพบมากในผัก ผลไม้สีดำ สีม่วง เช่น แบล็กเคอร์แรนต์ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ที่มีสารแอนโทไซยานินอยู่สูง มีสรรพคุณช่วยบำรุงสุขภาพตา ป้องกันไม่ให้ดวงตาและจอประสาทตาเสื่อม และยังช่วยทำให้ระบบหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น เลือดไปเลี้ยงเส้นเลือดฝอยที่ดวงตาให้แข็งแรง ไม่แตกง่าย มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยสึคูบะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พบว่าการกินแบล็กเคอร์เรนต์ที่มีแอนโทไซยานิน 50 มิลลิกรัมขึ้นไป เป็นระยะเวลาติดต่อกัน จะช่วยบรรเทาอาการเมื่อยล้าเนื่องจากใช้สายตานานๆ ได้ และยังช่วยให้สายตาทำงานในที่มืดได้ดีขึ้นอีกด้วย
นอกจากนั้น ยังต้องกินผัก ผลไม้ที่มีสารลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) เป็นสารธรรมชาติที่มีในผักใบเขียว ผลไม้ และดอกไม้สีเหลือง เช่น ดอกดาวเรือง สารทั้ง 2 ชนิดนี้จะทำหน้าที่ช่วยกรองรังสีสีฟ้าจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลายอีกด้วย
นอกจากบำรุงสุขภาพตาแล้ว สุขภาพร่างกายก็สำคัญ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นให้การไหลเวียนของเลือดที่ดวงตาให้ดีขึ้น และหากมีอาการผิดปกติทางการมองเห็นเมื่อใด อย่ารอช้า
อย่านิ่งนอนใจ ให้ไปพบจักษุแพทย์ทันที โปรดจำไว้ว่า…ดวงตาของเรามีเพียงคู่เดียว
ไม่มีอะไหล่ ไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้ เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องดูแลดวงตาคู่นี้อย่างดี
เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม!
ข้อมูลอ้างอิง
วิมล ศรีสุข (2557) กินอะไร…ชะลอจอประสาทตาเสื่อม บทความเผยแพร่ความรู้ประชาชน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล http: // pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/BrandSuntory/189/ชะลอจอประสาทตาเสื่อมต้องกินอะไร/
ณัฐวุฒิ รอดอนันต์ (2561) โรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ บทความสุขภาพ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/BrandSuntorydetail.asp?id=749
WHO, Visual impairment and blindness, Fact Sheet www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/blindness-and-visual-impairment
Nakaishi H, Matsumoto H, Tominaga S, Hirayama M. (2000) Effects of black currant anthocyanoside intake on dark adaptation and VDT work-induced transient refractive alteration in healthy human. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/11134978